ภาพการแข่งขัน | วีดีโอคลิป
สนาม โอลด์ แทรฟฟอร์ด, อังกฤษ
ผู้ชมในสนาม 75,828 คน
รายการ พรีเมียร์ ลีก อังกฤษ
เวลา 19.00 น. วันอาทิตย์ที่ 22 ตุลาคม 2549
ผู้ตัดสิน เกรแฮม โพลล์
พอล สโคลส์ ฉลองการลงเล่นนัดที่ 500 ให้กับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ด้วยการยิง 1 ประตูในวันอาทิตย์ที่ผ่านมาช่วยให้ทีมเอาชนะทีมคู่ปรับอย่างลิเวอร์พูล ไปได้ 2 – 0 เก็บ 3 แต้ม ขึ้นนำเป็นจ่าฝูงพรีเมียร์ชิพต่อไป
กองกลางวัย 31 ปีผู้นี้ลงเล่นนัดแรกให้กับแมนฯ ยูไนเต็ด เมื่อ 12 ปีที่แล้ว และเขาก็ยิงประตูแรกให้กับทีมได้ก่อนที่ริโอ เฟอร์ดินานด์ จะยิงประตูสุดสวยตอกย้ำชัยชนะ และทำให้ลิเวอร์พูล ไม่สามารถกลับสู่เกมได้ในโอลด์ แทรฟฟอร์ด
ในขณะที่ทีมของราฟาเอล เบนิเตซ ยังคงต้องตามหาชัยชนะนอกบ้านในฤดูกาลนี้ต่อไป หลังจากเล่นนอกบ้านมาแล้ว 5 นัดยังไม่สามารถเอาชนะทีมใดได้เลย และหลังจากความพ่ายแพ้ พวกเขาก็มีคะแนนตามหลังจ่าฝูงอย่างแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อยู่ 11 แต้ม
ในวันนี้เซอร์ อเล็กซ์ ตัดสินใจส่งผู้เล่นกองกลาง 4 ตัวได้แก่ ดาร์เรน เฟล็ตเชอร์, พอล สโคลส์, ไมเคิล คาร์ริค และไรอัน กิ๊กส์ และให้คริสเตียโน่ โรนัลโด้ นั่งสำรองข้างสนาม ในเกมนี้ ผู้จัดการทีมคาดหวังว่าเกมจะกดดันและเข้มข้นและอาจจะส่งปีกวัย 21 ปีผู้นี้ลงสนามในช่วงท้ายเกม แต่ก็ไม่จำเป็น
ตั้งแต่ 10 นาทีแรกเฟล็ตเชอร์ เกือบทำประตูให้แมนฯ ยูไนเต็ด ได้ โดยเขาแย่งบอลจากยอห์น อาร์เน่ รีเซ่ ได้และเมื่อบอลวิ่งไปหน้าประตู ในจังหวะ 50 – 50 เขาก็เข้าแย่งบอลกับ โฆเซ่ เรน่า แต่ลูกเปิดของมิดฟิลล์ชาวสก๊อตถูกสกัดออกไปได้ นั่นแสดงให้เห็นว่าแมนฯ ยูไนเต็ด จะไม่ยอมเสีย 3 แต้มไปง่ายๆ แน่นอน
ในเกมหนักแบบนี้ บางครั้งการเข้าปะทะกันก็ทำให้แฟนบอลโห่ร้องได้พอๆ กับการโชว์ทักษะการเล่น และการท้าทายของเวย์น รูนี่ย์ ต่อรีเซ่ ก็ทำให้แฟนแมนฯ ยูไนเต็ด ต้องลุกขึ้นยืนเหมือนกับว่าเขาเพิ่งลากบอลผ่านคน 3 คนอย่างนั้นแหละ
หลุยส์ ซาฮา ก็ทำให้ลิเวอร์พูล ต้องพบกับปัญหาอยู่ตลอด เขาทั้งเล่นลูกกลางอากาศและความเร็วในการเลี้ยงบอล ในนาทีที่ 20 ซาฮา ก็ได้โอกาสเข้าไปปั่นป่วนในกรอบเขตโทษของลิเวอร์พูล จากลูกเตะมุมของคาร์ริค และวิดิช เปิดต่อให้เขา และ ซาฮาก็ได้วอลเล่ย์จากเสาไกล แต่เรน่า ก็ชกบอลออกมาได้ก่อนที่การ์เซีย จะเคลียร์บอลออกจากระยะอันตราย
4 นาทีหลังจากนั้น ซาฮาก็ทดสอบเรน่า อีกครั้ง ด้วยลูกยิงจากฝั่งขวาของกรอบเขตโทษแต่ตรงตัวผู้รักษาประตู หากเข้าเลือกยิง ฝั่งใดฝั่งหนึ่ง ก็คงได้ฉลองประตูที่ 7 ในฤดูกาลนี้ไปแล้ว
แม้แมนฯ ยูไนเต็ด จะมีโอกาสมากกว่า แต่ลิเวอร์พูล ก็ยังคงอันตรายจากมิดฟิลล์ที่มีพละกำลังมากกว่าและเดิร์ก เคาท์ ก็มีโอกาสแรกในเกมนี้ในนาทีที่ 33 เมื่อมาร์ก กอนซาเลซ ผ่านเฟอร์ดินานด์ มาได้ด้วยความเร็วที่เหนือกว่า และเปิดบอลให้ศูนย์หน้าชาวดัตช์แต่น่าเสียดายที่เขาโหม่งบอลไปตรงตัว เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์
แต่แล้วการบุกของแมนฯ ยูไนเต็ด ก็ได้ผลในอีก 6 นาทีก่อนหมดครึ่งแรก และเป็นประตูของสโคลส์ เขาเริ่มด้วยการโหม่งบอลให้รูนี่ย์ ซึ่งเปิดต่อให้กิ๊กส์ ในฝั่งซ้าย และในเวลาพอเหมาะสโคลส์ ก็ทำตามเครื่องหมายการค้าของเขา เมื่อกิ๊กส์ เปิดบอลเข้ากลางและเขาก็เข้าชาร์จทันที แม้ว่าเรน่า จะป้องกันได้ในจังหวะแรกแต่สโคลส์ ก็ตามเข้าซ้ำบอลข้ามเส้นประตูไป แม้ซามี่ ฮูเปีย จะเข้าสกัดแต่ก็ไม่ทัน
ทีมปีศาจแดงยังคงบุกต่อไป เมื่อซาฮา ได้โอกาสยิง แต่เรน่า ก็ป้องกันไว้ได้เพียงปลายนิ้ว แมนฯ ยูไนเต็ด เกือบเสียประตูก่อนหมดครึ่งแรก เมื่อ ซาบี้ อลอนโซ่ ได้โอกาสยิงไกล แต่บอลหลุดออกนอกกรอบไป หมดครึ่งแรกแมนฯ ยูไนเต็ด นำอยู่ 1 – 0
ช่วง 20 นาทีแรกของครึ่งหลังมีโอกาสการทำประตูกันน้อยมาก แต่แฟนปีศาจแดงก็ไม่ต้องรอคอยนานพวกเขาก็ได้เห็นทักษะการเล่นที่ยอดเยี่ยมและลูกยิงที่งดงามของริโอ เฟอร์ดินานด์ เซ็นเตอร์ฮาล์ฟ ของทีม จากลูกเปิดจากเท้าขวาของกิ๊กส์ ถูกเจมี่ คาร์ราเกอร์ สกัดออกมา ไปเข้าทางเฟอร์ดินานด์ จับบอลด้วยเท้าขวาและแต่งบอลเข้าซ้าย และยิงอย่างเฉียบคมเสียบเข้าสามเหลี่ยมไปอย่างสวยงาม ทำให้แฟนแมนฯ ยูไนเต็ด ต้องโห่ร้องด้วยความดีใจ แมนฯ ยูไนเต็ด ขึ้นนำ 2 – 0
ราฟาเอล เบนิเตซ ซึ่งยังไม่เคยพาทีมเอาชนะเซอร์ อเล็กซ์ ได้ก็ส่งปีเตอร์ เคร้าซ์ ลงมาเล่น และให้สตีเว่น เจอร์ราร์ด ขยับเข้าไปเล่นตรงกลาง แต่ก็สร้างความเปลี่ยนแปลงได้เพียงเล็กน้อย แมนฯ ยูไนเต็ด ยังคงสามารถรักษาเกมได้ด้วยกองกลาง 4 ตัว และลิเวอร์พูล ก็ไม่สามารถบ่นได้มากนักกับผลการแข่งขันที่ออกมา ซึ่งพวกเขาแทบจะไม่มีโอกาสเลย จบเกมแมนฯ ยูไนเต็ดเอาชนะได้ใน โอลด์ แทรฟฟอร์ด 2 – 0 (รีพอร์ตโดย โอปอล)
รายชื่อผู้เล่นของทั้งสองทีม
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์ 1
แกรี่ เนวิลล์ 2
ริโอ เฟอร์ดินานด์ 5 ( น. 66)
เนมานย่า วิดิช 15 ( น. 69)
ปาทริซ เอฟร่า 3
ดาร์เรน เฟล็ตเชอร์ 24
ไมเคิล คาร์ริค 16
พอล สโคลส์ 18 ( น. 39)
ไรอัน กิ๊กส์ 11
เวย์น รูนี่ย์ 8
หลุยส์ ซาฮา 9
สำรอง
โทมัสซ์ คุสซ์แซค 29
เวส บราวน์ 6 น. 92 ปาทริซ เอฟร่า 3
จอห์น โอเชีย 22 น. 78 แกรี่ เนวิลล์ 2
คริสเตียโน่ โรนัลโด้ 7
โอเล่ กุนนาร์ โซลชาร์ 20
ลิเวอร์พูล
โฆเซ่ เรน่า 25
สตีฟ ฟินแนน 3 ( น. 76)
ซามี่ ฮูเปีย 4
เจมี่ คาร์ราเกอร์ 23
ยอห์น อาร์เน่ รีเซ่ 6
สตีเว่น เจอร์ราร์ด 8
โมฮัมเม็ด ซิสโซโก้ 22 ( น. 27)
ซาบี้ อลอนโซ่ 14
มาร์ก กอนซาเลซ 11
หลุยส์ การ์เซีย 10
เดิร์ก เคาท์ 18
สำรอง
เจอร์ซี่ ดูเด็ก 1
กาเบรียล ปาเลตต้า 29
เจอร์เมน เพนแนนท์ 16 น. 52 มาร์ก กอนซาเลซ 11
สตีเฟ่น วอร์น็อค 28
ปีเตอร์ เคร้าซ์ 15 ( น. 77) น. 70 ซาบี้ อลอนโซ่ 14
สถิติของเกม
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ประตู 2, ยิงตรงกรอบ 7, ยิงหลุดกรอบ 2, โดนบล็อค 2, เตะมุม 5, ฟาวล์ 14, ล้ำหน้า 1, ใบเหลือง 1, การครองบอล 56.1%
ลิเวอร์พูล ประตู 0, ยิงตรงกรอบ 2, ยิงหลุดกรอบ 9, โดนบล็อค 4, เตะมุม 5, ฟาวล์ 22, ใบเหลือง 3, การครองบอล 43.9%
คะแนนความสามารถ
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์ 6, แกรี่ เนวิลล์ 6, ริโอ เฟอร์ดินานด์ 7, เนมานย่า วิดิช 6, ปาทริซ เอฟร่า 6, ดาร์เรน เฟล็ตเชอร์ 7, ไมเคิล คาร์ริค 6, พอล สโคลส์ 8, ไรอัน กิ๊กส์ 7, เวย์น รูนี่ย์ 6, หลุยส์ ซาฮา 7, เวส บราวน์ (สำรอง) 5, จอห์น โอเชีย (สำรอง) 5
ลิเวอร์พูล โฆเซ่ เรน่า 6, สตีฟ ฟินแนน 6, ซามี่ ฮูเปีย 6, เจมี่ คาร์ราเกอร์ 5, ยอห์น อาร์เน่ รีเซ่ 6, สตีเว่น เจอร์ราร์ด 6, โมฮัมเม็ด ซิสโซโก้ 6, ซาบี้ อลอนโซ่ 6, มาร์ก กอนซาเลซ 6, หลุยส์ การ์เซีย 7, เดิร์ก เคาท์ 6, เจอร์เมน เพนแนนท์ (สำรอง) 5, ปีเตอร์ เคร้าซ์ (สำรอง) 5
Por